นิรวาน

นิรวาน


By phrakhrusuthammanath

ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้ว ทรงสอนธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้มาตลอดพระชนม์ชีพ รวม 45 พรรษา
หากคำนวนตามระยะเวลา 45 พรรษาที่ทรงสอน คำสอนจะมีเป็นจำนวนมาก แต่ถ้ากำหนดหลักการที่สอนจะพบว่ามีเพียงการบรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตอันสูงสุดคือนิพพาน
การสอนเรื่องนิพพานนั้นวิธีการที่ใช้สอนตั้งอยู่บนหลักการแห่งเหตุผลหรือหลักการแห่งสัจจธรรม
เพราะเหตุที่คำสอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้นั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำคำสอนทั้งหมดของพระพุทธองค์มาสอนท่านทั้งหลายในช่วงเวลาสั้นๆนี้ แต่กระนั้น ท่านทั้งหลายจะสามารถเข้าใจคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้าได้หากว่าท่านทั้งหลายเข้าใจนิรวาณ
ด้วยเหตุผลนี้ อาตมภาพจักสอนท่านทั้งหลายในหัวข้อเรื่อง “นิรวาณ” ว่า นิพพาน ได้แก่สภาวะเช่นใด? บรรลุนิรวาณได้ด้วยวิธีการใด? 
โดยทั่วไปแล้ว วัตถุประสงค์คือสิ่งที่บริษัททั้งหลายจำเป็นต้องมี ทุกวัตถุประสงค์ล้วนเป็นผลผลิตของบริษัท ผลผลิตทั้งหมดนั้นแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของบริษัท
นั่นหมายความว่า ผลผลิต เป็นสิ่งสำคัญของทุกบริษัท
นิรวาณก็เช่นกัน มีความสำคัญมากเพราะนิรวาณเป็นเป้าหมายของพุทธบริษัท เหมือนกับเป้าหมายของบริษัททั่วไป
นิรวาณเป็นผลผลิตของพุทธบริษัท
ผู้เขียนคิดว่า ถ้าบริษัทใดไม่มีผลผลิตนั่นเป็นความไม่ดีของบริษัทนั้น บริษัทจะต้องล่มสลาย.
ด้วยเหตุผลนี้ ถ้าพุทธบริษัทไม่บรรลุนิพพาน นั่นเป็นความไม่ดีของพุทธบริษัทเหมือนกัน บริษัทจะดีได้ต้องทำอย่างไร
ในความคิดของข้าพเจ้า สิ่งที่จำเป็นทำก่อนคือ การทำความเข้าใจเรื่อง กระบวนทัศน์ของ นิรวาณ
เมื่อ(ผู้ใด)ต้องการที่จะบรรลุนิรวาณ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า นิรวาณหมายถึงสิ่งใด
วิธีหนึ่งที่ใช้ในการทำความเข้าใจความหมายของนิรวาณ คือ อาศัยความหมายของศัพท์
คำว่า นิรวาณ มาจากศัพท์ ๒ ศัพท์รวมกัน คือ นิร กับ วาณ 
ศัพท์ “นิร” แปลว่า “ไม่มี” ส่วนศัพท์ “วาณ” แปลว่า “พันธะ”
ดังนั้น “นิรวาณ” จึงได้ความว่า “ไม่มีพันธะ” ในกรณีนี้หมายถึง “ความไม่มีพันธะระหว่าง สิ่งที่มีอยู่กับภาวะที่สิ่งนั้นเป็นอยู่”
อาศัยความหมายดังกล่าว ถ้าผู้ใดต้องการที่จะบรรลุนิรวาณ ผู้นั้นจะต้องทำกิจบางอย่างเพื่อเป็นอย่างนั้นได้แก่ ไม่มีตัวเขาเพื่อที่จะเป็นบางสิ่งอยู่ เพราะเหตุแห่งเงื่อนไขตัวเขากับภาวะที่เขาเป็น
ถ้าว่า เมื่อตัวเขามีอยู่ดังนั้น เขาต้องเป็นอะไรสักอย่างหนึ่ง นั่นหมายความว่า มีความสัมพันธ์กันระหว่างตัวเขากับภาวะที่ตัวเขาเป็นอยู่นั้น
โดยทางกลับกัน ถ้าปราศจากตัวเขาที่เป็นสิ่งใดใดแล้ว (ก็เป็นอันปราศจากภาวะที่ตัวเขาเป็นไปด้วย) นั้นบอกให้รู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับภาวะที่ตัวเขาเป็นอยู่นั้นหมดสิ้นไป กล่าวได้ว่า นี่คือนิรวาณ
ในเงื่อนไขของเวลา ในเมื่อปัจจุบันเขามีอยู่ ภาวะที่เขาเป็นก็มีอยู่ด้วย(เขาจะรู้สึกว่า นิรวาณได้อย่างไร?)
ถ้าเมื่อใดตัวเขาไม่มี เขาจะรู้สึกนิรวาณ
ตามนัยพระพุทธพจน์ที่ได้ตรัสไว้ว่า “ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา...” พระพุทธพจน์นี้บอกให้เรารู้ว่า หลังจากตายจะไม่ไปเป็นสิ่งใหม่ใดอีก หรือ ไม่เกิดใหม่อีกต่อไป
ดังนั้น การที่เขารู้สึกอย่างนี้ว่า “ไม่เกิดใหม่แล้ว” เป็นความรู้สึกว่า นิรวาณ
เขาจะรู้สึกว่าไม่เกิดแล้วได้อย่างไร?
ถ้าผู้ใดรู้สึกว่า สามารถกำจัดภาวะที่จะเป็นใหม่ของเขาได้แล้ว ด้วยเหตุนั้น ผู้นั้นจะรู้สึกได้ในเวลานั้นว่า เขาไม่เกิดอีกแล้ว ในขณะนั้นเองผู้นั้นจะรู้สึกได้ว่า บรรลุนิรวาณ
การไม่เกิดอีกมีวิธีการทำอย่างไร?
วิธีการไม่ไปสู่การเป็นภาวะใหม่(การไม่เกิด)
ตามกฎของความเป็นจริงซึ่งเป็นปกติวิสัย คือ ผลทุกอย่างเกิดจากเหตุ หรือ กล่าว ตามกฏแห่งเหตุผล การเกิดใหม่ของทุกสิ่งล้วนมาจากเหตุทั้งสิ้น
การเกิดใหม่ที่กล่าวนี้ก็หมายถึงการเป็นใหม่นั่นเอง
เพราะเหตุใดบางคนจึงถือกำเนิดใหม่อีก? อาจกล่าวได้ว่า มาจากความพยายามทำให้เกิดใหม่
อะไรเป็นเหตุของความพยายามทำให้เกิดใหม่? กล่าวได้ว่า เหตุแห่งความพยายามนั้นคือความต้องการที่จะเกิดใหม่
หากว่าเราพยายามค้นหาเหตุของความต้องการเกิดใหม่นั้น จะพบว่า คุณค่าของภาวะที่จะเป็นใหม่นั้นเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความต้องการที่จะเกิดใหม่
เพราะการคิดว่าเขาจะดีในภาวะใหม่นั้น ด้วยความเห็นนี้ เขาจึงเกิดความต้องการเป็นในสภาวะใหม่นั้น
ในทางกลับกัน ถ้าหากเขาสามารถเปลี่ยนความเห็นให้เป็นทางตรงกันข้ามว่า ภาวะใหม่นั้น ไม่ดี และไม่มีประโยชน์
อาศัยวิถีแห่งเหตุผลดังกล่าวนี้ เขาจึงไม่ต้องการเป็นในภาวะใหม่นั้น เมื่อเขาไม่ต้องการเป็นในภาวะใหม่ เขาจึงไม่พยายามทำให้เกิดใหม่
โดยวิถีแห่งการพิจารณาอย่างแยบคาย ทุกคนสามารถรู้ได้ว่า วัฏฏจักรแห่งการเวียนเกิดเวียนตายนี้ จะดำเนินต่อไปได้ด้วยการคิดถึงประโยชน์ของการเกิดใหม่และวัฏฏจักรนี้จะดับไปเพราะการคิดถึงความไม่มีประโยชน์ของการเกิดใหม่นั้น
ด้วยการคิดถึงความไม่มีประโยชน์ของการเกิดใหม่ ความต้องการและความพยายามทำให้เกิดใหม่ของเขาจึงไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ภายหลังจากตาย เขาจึงหมดไป
เมื่อเขาไม่เกิดใหม่ นั่นหมายความว่า หลังจากที่เขาตายแล้ว ตัวเขาและความเป็นใหม่ของเขาไม่มีแล้ว
ดังนั้น พันธะระหว่างเขาและภาวะที่เขาเป็นจึงไม่มี นี้ คือ นิรวาณ


ปราศจาก     = ไม่มี     = ว่างเปล่า    = หมดสิ้น
นั่นหมายถึง เมื่อผู้ใดสามารถที่จะไม่เกิดใหม่อีกแล้ว แสดงว่า ปราศจากเขาผู้นั้นแล้ว ไม่มีเขาผู้นั้นแล้ว ว่างเปล่าเขาผู้นั้นแล้ว เขาผู้นั้นหมดสิ้นไปแล้ว
มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะไม่เกิด?
ตามกฎของธรรมชาติ และ ตั้งอยู่บนหลักการจำแนกสภาวะเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่ม อัตตาและกลุ่มอนัตตา

ซึ่งคุณสามารถพบวิธีการที่พระพุทธเจ้าใช้เป็นอุบายที่ทำให้เกิดการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ได้ใน อนัตตลักขณสูตร ซึ่งพระสูตรนี้ได้แสดงลักษณะของอัตตาและอนัตตาไว้ ดังนี้
Group of ….x…..
Group of …. Not x…..
เที่ยง(unchangeable)
ไม่เที่ยง(changeable)
เป็นสุข(stable)
เป็นทุกข์(unstable)
ไม่แปรปรวน(contra variant, invariable)
แปรปรวน(variant, variable)
= ทำลายไม่ได้(indestructible)
= ทำลายได้(destructible)
อัตตา(permanence)
อนัตตา(impermanence)


ตามวิถีแห่งการคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์นี้ เป็นเหตุให้เกิดความรู้ที่ทำให้สามารถจำแนกทุกสิ่งได้ว่าสิ่งใดอยู่ในกลุ่มอัตตา สิ่งใดอยู่ในกลุ่มอนัตตา
ตัวอย่าง เช่น  ถ้าสิ่งใดเป็นตัวตน (ตามคุณลักษณะแล้ว)สิ่งนั้นก็ต้องเที่ยง เป็นคงทนถาวร ไม่แปรปรวน ทำลายให้หมดสิ้นไปไม่ได้ ในกลุ่มนี้ ไม่สามารถยุติการเวียนเกิด
ในอีกกลุ่มคือถ้ามีแต่สิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน สิ่งนั้นก็ต้องไม่เที่ยง เป็นทุกข์(ไม่ทน) แปรปรวนได้ ทำลายให้หมดสิ้นไปได้  ในกลุ่มนี้ มีความเป็นได้ที่จะยุติการเวียนเกิด
ขันธ์ทั้งห้า(รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เป็นสิ่งแปรปรวน ดังนั้น มันจึงเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน) เพราะเหตุนั้น จึงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนขันธ์ทั้งห้าให้เป็นตัวตน(สิ่งเที่ยง)ได้
มันไม่จำเป็นที่จะพยายามทำให้ขันธ์ทั้งห้าเป็นอนัตตาเพราะขันธ์ทั้งห้าเป็นอนัตตาอยู่แล้ว
แต่การเจริญสมาธิเป็นไปเพื่อการอยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเป็นไปเพื่อประโยชน์อื่นอีก
สรุปความว่า
นิรวาณ คือ การปราศจากพันธะระหว่างสิ่งกับภาวะที่สิ่งนั้นเป็น  ในภาวะการเป็นใหม่
เมื่อไม่มีฉัน(ผู้เป็น)และภาวะที่ฉันเป็น นั่นคือภาวะที่ฉันบรรลุนิรวาณ
วิธีบรรลุนิรวาณ คือ การพยายามที่จะไม่เกิดอีก
คุณสมบัติของอัตตาและอนัตตาถูกใช้เพื่อละความเข้าใจผิดเรื่องขันธ์ทั้งห้าและยุติการเกิดใหม่
ความรู้ว่า การเกิดเป็นภาวะใหม่ทั้งหมดไม่มีประโยชน์นั้น เป็นเครื่องมือละความต้องการที่จะเกิดใหม่
ความรู้สึกว่า สิ้นการเวียนเกิด เป็นความรู้สึกว่า
ความรู้สึกว่า ปราศจากขันธ์ทั้งห้าใหม่แล้ว คือ นิรวาณ

ความคิดเห็น